Diary 17/9/12
วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการเียนไดอารี่ละนะ วันนี้วันจันทร์ของสัปดาห์เรียนสุดท้ายก่อนสอบปลายภาคต้น เปิดด้วยการตืี่นตอน 6.10 ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ บรรยากาศต้อนเช้าก็เหมือนเดิมต่างจากวันอื่นที่แถวดูเหงาหงอยไปละนะ นักเรียนชายไปเรียน ร.ด. หมด (นั่นสิเรามันสอบไม่ติดนิ) ตอนเช้ามีทำบุญด้วย กับแม่ชีละนะเริ่มด้วยทำตามเขาแล้วก็มีเพลงก็รู้สึกแปลกๆดี หลังจากนั้นก็โดดชมรมที่เหลือเวลาอีกเพียงน้อยนิด ขึ้นไปอยู่บนห้องกับเพื่อนและก็โดนใช้งาน แต่ก็ทำไปจนเสร็จแล้วก็ไปทานข้าวเที่ยง กลับมาก็ลอกงานคณิต เรียนในช่วงคาบบ่าย นักเรียน ร.ด. กลับมาแล้ว มีเพื่อนกลับมาที คาบบ่ายผ่านไปโดยไม่มีอะไร(คงเพราะจะสอบละนะ)มีจะหลับนิดหน่อยคาบเคมี
ตอนเย็นหลังเลิกเรียนก็กลับบ้าน ถึงประมาณ 17.00 กลับมาก็ทำคณิต อาจารย์เสาวรส พอเสร็จก็ทวนคณิตกับฟิสิกส์ 2 วิชาที่จะสอบพรุ่งนี้มาอ่าน แล้วก็จำชีวะต่อ จนจำได้เกือบหมดแล้วก็จัดตารางสอนแล้วก็มาทำไดอารี่วันสุดท้ายให้จบละนะ เขียนซักประมาณ 20 นาที พอเสร็จก็จะขึ้นนอนละ ขอให้พรุ่งนี้ทุกคนสอบผ่านนะ
วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555
Diary 16/9/12
วันนี้เริ่มต้นตอน 6.00 นาฬิกาปลุกดังขึ้นตืนไปปิดแล้วนอนต่อหลังจากนั้นสิบนาทีนาฬากาปลุกแม่ดัง อีกห้านาทีหลังนาฬิกาปลุกแม่ดังนาฬิกาปลุกน้องดัง พอไปปิดอีกห้านาทีก็ดัง รำคาญแต่เช้าเลยโดนปลุกมากไปเลยลุกจากเตียงตอน 6.20 ออกมาพบว่าฝนตกอยู่หนักเหมือนกัน ตอน เจ็ดโมงสิบห้าไปโบสถ์ฝนตกทำให้รำคาญเล็กน้อย ขากลับก็แวะร้านก๋วยเตี๋ยวกินไปชามหนึ่งแล้วก็ซื้อกลับไปฝากน้องที่บ้าน หลังจากถึงบ้านก็ทำ 1000 คำศัพท์ต่อนอกจากนั้นก็ไม่ีมีอะไรมาก แล้วก็ท่องจำชีวะอีกนิดหน่อยหลับไปแปปนึงด้วย แล้วก็ตอนนี้ สามทุ่มครึ่งเขียนไดอารี่ก่อนขึ้นนอน วันนี้นอนเร็วจัง หมดไปซะแล้ววันหยุดสุดสัปดาห์ พรุ่งนี้ก็วันจันทร์
วันนี้เริ่มต้นตอน 6.00 นาฬิกาปลุกดังขึ้นตืนไปปิดแล้วนอนต่อหลังจากนั้นสิบนาทีนาฬากาปลุกแม่ดัง อีกห้านาทีหลังนาฬิกาปลุกแม่ดังนาฬิกาปลุกน้องดัง พอไปปิดอีกห้านาทีก็ดัง รำคาญแต่เช้าเลยโดนปลุกมากไปเลยลุกจากเตียงตอน 6.20 ออกมาพบว่าฝนตกอยู่หนักเหมือนกัน ตอน เจ็ดโมงสิบห้าไปโบสถ์ฝนตกทำให้รำคาญเล็กน้อย ขากลับก็แวะร้านก๋วยเตี๋ยวกินไปชามหนึ่งแล้วก็ซื้อกลับไปฝากน้องที่บ้าน หลังจากถึงบ้านก็ทำ 1000 คำศัพท์ต่อนอกจากนั้นก็ไม่ีมีอะไรมาก แล้วก็ท่องจำชีวะอีกนิดหน่อยหลับไปแปปนึงด้วย แล้วก็ตอนนี้ สามทุ่มครึ่งเขียนไดอารี่ก่อนขึ้นนอน วันนี้นอนเร็วจัง หมดไปซะแล้ววันหยุดสุดสัปดาห์ พรุ่งนี้ก็วันจันทร์
วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555
Diary 15/9/12
เช้าวันเสาร์ที่หน้าเบื่อมาแล้ว ดันตื่นช้าอีก 6.30 เล่นซะทานข้าวแทบไม่ทัน เบื่อจริงเลยเริ่มเรียนพิเศษแต่เช้าเนี่ยมันทำให้มีอารมณ์ไม่ค่อยอยากจะตื่นซะด้วย เรียนวันเสาร์ตอนเช้าบางครั้งง่วงยิ่งกว่าเรียนตอนบ่ายวันธรรมดาซะอีก หลังเรียนเสร็จแวะไปบุ๊คส์จูเนียร์แปปหนึ่ง นึกได้ว่าเรขาคณิตวิเคราะห์ให้หาโจทย์ 10 ข้อแต่หาตามที่อาจารย์สั่งไม่เจอ ตอนออกจากร้านเห็นฝนตกอยู่เล่นซะนึกว่าเข้าไปนานซะอีก(ไม่ได้ใส่นาฬิกามา) ระหว่างทางฝนก็แรงขึ้นเรื่อยๆแล้วก็หยุดไป เมื่อถึงบ้านก็รู้แล้วว่าต้องทำในสิ่งที่เมื่อวานไม่ได้ทำ "การบ้าน"ไงละ เยอะเหมื่อนกันนะ
การบ้านที่ทำก็แรมเซลเป็นอย่างแรกเลยละเริ่มทำตั้งแต่กลับมา ประมาณบ่ายสามโมงทำไปดู ทีวีไป ช้าเลยแทนที่จะเสร็จเร็ว หลังจากนั้นสองทุ่มกว่าๆก็มานั่นเขียนไดอารี่เมื่อวานที่ลืมทำไว้ นึกไม่ค่อยออกเหมือนกัน และ... ฝน มันมาอีกแล้ว บ่อยไปหน่อยนะไม่เว้นบ้างหรือไงเนี่ย ตอนเขียนได้อารี่มันน่าเสียวไฟดับชะมัด เน็ตก็ไม่ค่อยดีเลย ไม่สิใช้ไม่ได้เป็นช่วงๆละนะ เขียนไดอารี่วันที่ 14/9/12 เสร็จแล้วก็เขียนของวันนี้ต่อเลย และก็ถึงเวลานอนซะที ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ผ่านไปอีกวันละนะ
เช้าวันเสาร์ที่หน้าเบื่อมาแล้ว ดันตื่นช้าอีก 6.30 เล่นซะทานข้าวแทบไม่ทัน เบื่อจริงเลยเริ่มเรียนพิเศษแต่เช้าเนี่ยมันทำให้มีอารมณ์ไม่ค่อยอยากจะตื่นซะด้วย เรียนวันเสาร์ตอนเช้าบางครั้งง่วงยิ่งกว่าเรียนตอนบ่ายวันธรรมดาซะอีก หลังเรียนเสร็จแวะไปบุ๊คส์จูเนียร์แปปหนึ่ง นึกได้ว่าเรขาคณิตวิเคราะห์ให้หาโจทย์ 10 ข้อแต่หาตามที่อาจารย์สั่งไม่เจอ ตอนออกจากร้านเห็นฝนตกอยู่เล่นซะนึกว่าเข้าไปนานซะอีก(ไม่ได้ใส่นาฬิกามา) ระหว่างทางฝนก็แรงขึ้นเรื่อยๆแล้วก็หยุดไป เมื่อถึงบ้านก็รู้แล้วว่าต้องทำในสิ่งที่เมื่อวานไม่ได้ทำ "การบ้าน"ไงละ เยอะเหมื่อนกันนะ
การบ้านที่ทำก็แรมเซลเป็นอย่างแรกเลยละเริ่มทำตั้งแต่กลับมา ประมาณบ่ายสามโมงทำไปดู ทีวีไป ช้าเลยแทนที่จะเสร็จเร็ว หลังจากนั้นสองทุ่มกว่าๆก็มานั่นเขียนไดอารี่เมื่อวานที่ลืมทำไว้ นึกไม่ค่อยออกเหมือนกัน และ... ฝน มันมาอีกแล้ว บ่อยไปหน่อยนะไม่เว้นบ้างหรือไงเนี่ย ตอนเขียนได้อารี่มันน่าเสียวไฟดับชะมัด เน็ตก็ไม่ค่อยดีเลย ไม่สิใช้ไม่ได้เป็นช่วงๆละนะ เขียนไดอารี่วันที่ 14/9/12 เสร็จแล้วก็เขียนของวันนี้ต่อเลย และก็ถึงเวลานอนซะที ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ผ่านไปอีกวันละนะ
Diary 14/9/12
อันนี้เป็นเขียนไดอารี่ ย้อนหลังวันศุกร์ลืมเขียน
วันนี้เป็นวันที่ตื่นช้ากว่าปกติ จากปกติ 6.00 วันนี้ตื่น 6.30 ตอนกลางคืนตั้งนาฬิกาปลุกผิดเวลาเลยช้าไป เลยนอนต่อซะงั้น ทำให้เวลาตอนเช้าป่วนไปหน่อย วันนี้ไปโรงเรียนโดยไม่ลืมอะไร วันนี้ถึงโรงเรียนช้าหน่อย คาบบ่ายวันศุกร์พละร้อนมาก สอบคณิตก็นึกว่าจะไม่รอดซะอีก -3-
หลังเลิกเรียน ไม่ทันไรก็ไปวิ่งให้ตายสิสามรอบสนามก็ไม่ไหวแล้ว พอกลับมารอแม่ที่เรือนไทยก็นึกได้ว่าแม่บอกว่าวันนี้แม่ไม่อยู่บ้านต้องกลับกับแค๊ป รอนานเหมือนกันนะ ได้กลับตอน 4.30 กว่าจะได้กลับก็รอแค๊ปซักพักเลยพอถึงกลับบ้านฝนก็ตก ให้ตายสิเสียงดังมาก เล่นซะรู้สึกรำคาญเลย โทรทัศน์ก็ดูไม่ได้ เน็ตก็ไม่ดี(อยู่แล้ว) แถมยังเสียวไฟจะดับอีก พอฝนสาก็นั่นหน้าคอมเลย คงอยากเล่น มากมั้งวันศุกร์นี่ เล่นซะลืมทำการบ้านเลย ตอนแม่ประมาณ สองทุ่มครึ่ง กลับมาโดนบ่นเลยเรื่องไม่ทำการบ้าน เล่นเพลินไปนิดก็ยังดี คืนวันศุกร์ผ่านไปยังไม่ได้ทำการบ้านเลยซักวิชา ไม่อยากคิดถึงวันเสาร์เลย วันนี้โดนบังคับนอนเร็วจังนา สี่ทุ่มก็ต้องขึ้นนอนซะแล้ว น่าเบื่อนิด ๆ นะวันศุกร์เนี้ย อยากเจออะไรตื่นเต้นบ้างจัง
เขียนไดอารี่ย้อนหลังนี้มันนึกอารมณ์บางช่วงไม่ค่อยได้ด้วยสิ จบแค่นี้ละกัน
อันนี้เป็นเขียนไดอารี่ ย้อนหลังวันศุกร์ลืมเขียน
วันนี้เป็นวันที่ตื่นช้ากว่าปกติ จากปกติ 6.00 วันนี้ตื่น 6.30 ตอนกลางคืนตั้งนาฬิกาปลุกผิดเวลาเลยช้าไป เลยนอนต่อซะงั้น ทำให้เวลาตอนเช้าป่วนไปหน่อย วันนี้ไปโรงเรียนโดยไม่ลืมอะไร วันนี้ถึงโรงเรียนช้าหน่อย คาบบ่ายวันศุกร์พละร้อนมาก สอบคณิตก็นึกว่าจะไม่รอดซะอีก -3-
หลังเลิกเรียน ไม่ทันไรก็ไปวิ่งให้ตายสิสามรอบสนามก็ไม่ไหวแล้ว พอกลับมารอแม่ที่เรือนไทยก็นึกได้ว่าแม่บอกว่าวันนี้แม่ไม่อยู่บ้านต้องกลับกับแค๊ป รอนานเหมือนกันนะ ได้กลับตอน 4.30 กว่าจะได้กลับก็รอแค๊ปซักพักเลยพอถึงกลับบ้านฝนก็ตก ให้ตายสิเสียงดังมาก เล่นซะรู้สึกรำคาญเลย โทรทัศน์ก็ดูไม่ได้ เน็ตก็ไม่ดี(อยู่แล้ว) แถมยังเสียวไฟจะดับอีก พอฝนสาก็นั่นหน้าคอมเลย คงอยากเล่น มากมั้งวันศุกร์นี่ เล่นซะลืมทำการบ้านเลย ตอนแม่ประมาณ สองทุ่มครึ่ง กลับมาโดนบ่นเลยเรื่องไม่ทำการบ้าน เล่นเพลินไปนิดก็ยังดี คืนวันศุกร์ผ่านไปยังไม่ได้ทำการบ้านเลยซักวิชา ไม่อยากคิดถึงวันเสาร์เลย วันนี้โดนบังคับนอนเร็วจังนา สี่ทุ่มก็ต้องขึ้นนอนซะแล้ว น่าเบื่อนิด ๆ นะวันศุกร์เนี้ย อยากเจออะไรตื่นเต้นบ้างจัง
เขียนไดอารี่ย้อนหลังนี้มันนึกอารมณ์บางช่วงไม่ค่อยได้ด้วยสิ จบแค่นี้ละกัน
Blog ของเพื่อนๆห้อง ม.4/1
เลขที่ 1:
เลขที่ 2: http://bedrockman.blogspot.com/
เลขที่ 3: http://potatopotat.blogspot.com/
เลขที่ 4: http://pattapattap.blogspot.com/
เลขที่ 5: http://satitm4.blogspot.com/
เลขที่ 6: http://patsasimildddd.blogspot.com/
เลขที่ 7: http://seungchabe.blogspot.com/
เลขที่ 8: http://thanawadee4108.blogspot.com/
เลขที่ 9: http://profilepround.blogspot.com/2012/09/diary-170912.html?spref=fb
เลขที่ 10: http://pimchanajenny.blogspot.com/
เลขที่ 11: -
เลขที่ 12: http://chanaweezzzz.blogspot.com/
เลขที่ 13: http://cuolionet12.blogspot.com/
เลขที่ 14: http://52654258.blogspot.com/
เลขที่ 15: http://nooknaruemonn.blogspot.com/2012/09/about-me.html
เลขที่ 16: http://nook62224.blogspot.com/
เลขที่ 17: http://phanarai4117love.blogspot.com/
เลขที่ 18: http://passornsss.blogspot.com/
เลขที่ 19: http://wakefresh.blogspot.com/
เลขที่ 20: http://jidapaswork.blogspot.com/
เลขที่ 21:
เลขที่ 22: http://patsornpatsorn22.blogspot.com/
เลขที่ 23: http://veryfunprofile.blogspot.com/
เลขที่ 24: http://jukkaphanz.blogspot.com/
เลขที่ 25:http://web4125.blogspot.com/2012/09/17-55.html
เลขที่ 26: http://jutamart4126.blogspot.com/
เลขที่ 27: http://gambonjour4127.blogspot.com/
เลขที่ 28:
เลขที่ 29: http://doraeamon.blogspot.com/
เลขที่ 30: http://pantanutps.blogspot.com/
เลขที่ 31: http://goodstoryu.blogspot.com/
เลขที่ 32: http://gramgram1.blogspot.com/2012/09/diary-140912.html?spref=fb
เลขที่ 33:
เลขที่ 34: http://sarutzz.blogspot.com/
เลขที่ 35:
เลขที่ 36:
เลขที่ 37: http://ausmasealx.blogspot.com/
วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555
28 ข้อคิดในการใช้ชีวิต
28 ข้อคิดในการใช้ชีวิต เป็นข้อคิดที่เก็บไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่เมื่อเอามาอ่านอีกทีก็พบว่ายังเป็นเรื่องที่ดีมากๆที่ควรแบ่งปันให้รับรู้โดยทั่วกัน ได้มาจากฟอเวิร์ดเมล์เมื่อนานมาแล้ว ลองอ่านกันดูนะ
1.อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะทั้งชีวิตเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้
2.เมื่อมีคนเล่าว่าเขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญ จง เป็นผู้ฟังที่ดีอย่าไปคุยทับ อย่าไปขัดคอ
3.จงตั้งใจฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆเท่านั้น
4.หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ตามทางบ้างเพราะมีอะไรดีๆบางอย่างซ่อนอยู่
5.จะคิดทำการใดจงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ แต่ให้เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย
6.หัดทำสิ่งดีๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัยโดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้
7.จงจำไว้ว่า ข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น
8.เวลาเล่นเกมกับเด็กๆก็ปล่อยให้เด็กชนะไปเถอะ
9.ใครจะวิจารณ์เรายังงัยก็ตาม อย่าเสียเวลาไปโต้ตอบ แต่ให้ปรับปรุงตนเอง
10.จงให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ “สอง” แต่อย่าให้ถึง “สาม”
11.อย่าให้วิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานไม่มีความสุขก็ลาออกดีกว่า
12.ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้วอะไรๆ มันก็ไม่สำคัญอย่างที่คิดไว้แต่แรกหรอก
13.ใช้เวลาให้น้อยๆในการคิดว่า”ใครผิด” แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า”อะไร” เป็นสิ่งที่ผิด
14.จงจำไว้ว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับ ” คนโหดร้าย ” แต่กำลังสู้กับ ” ความโหดร้าย ” ในตัวคน
15.โปรดคิด คิด คิด และคิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะให้เพื่อนเรามีภาระในการเก็บรักษาความลับ
16.ยอมที่จะแพ้ในสงครามย่อยๆ เมื่อการแพ้นั้นจะทำให้เราชนะในสงครามใหญ่
17.เป็นคนถ่อมตน จำไว้ว่าคนอื่นทำอะไรต่อมิอะไรสำเร็จกันมามากมายก่อนเราเกิดเสียอีก
18.ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายสักเพียงใด จงสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้
19.มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ
20.อย่าให้ปัญหาของเราทำให้คนอื่นต้องเบื่อหน่าย ถ้ามีใครมาถามว่า ” เป็นไง?” ตอบไปเลยว่า ” สบายมาก”
21.อย่าพูดว่าเรามีเวลาไม่พอ เพราะทุกคนในโลกก็มีเวลาวันละ 24 ชม.เท่ากัน
22.จงเป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวไปดูอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่ควรทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว
23.ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานตนเอง ไม่ใช่มาตรฐานคนอื่น
24.จริงจัง และเคี่ยวเข็ญต่อตนเองให้มาก แต่จงอ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น
25.ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพโดยสุจริต ไม่ว่างานนั้นจะดูแย่แค่ไหนในสายตาคนรอบข้าง
26.คำนึงถึงการมีชีวิตให้ ” กว้างขวาง ” มากกว่าการมีชีวิตเพื่อ ” ยืนยาว ”
27.(บางครั้ง) อย่าไปหวังเลยว่าในชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม
28.ว่ากันว่ามี 3 สิ่งที่ไม่ควรถูกทำให้แตกหรือทำลาย ได้แก่ ของเล่นเด็ก คำสัญญาและจิตใจของใครๆ ก็ตาม
ใครอยากลด....คลอเรสเตอรอล...บ้าง ?
ใครอยากลด....คลอเรสเตอรอล...บ้าง ?
นอกจากการออกกำลังกายจะเป็นการลดระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายลงแล้ว การที่เราพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคลอเรสเตอรอล ก็น่าจะเป็นวิธีการที่ดี โดยสามารถทำได้ดังนี้
-หลีกเลี่ยงไข่แดง เครื่องในสัตว์ สมองสัตว์ อาหารทะเลบางชนิด เช่น ปลาหมึก กุ้ง หอยนางรม
-หลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมัน หรือใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันสัตว์ น้ำมันพืชที่สกัดจากเมล็ดพืชจะมีกรดไลโนเลอิก ที่เป็นตัวนำคอเลสเตอรอลไปเผาผลาญได้ดี
-หลีกเลี่ยงน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิ ไขมันปรุงแต่ง
-หลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ที่มีมันสัตว์ติดอยู่มาก เช่น หมูสามชั้น หมูกรอบ เบคอน กุนเชียง ไส้กรอก
-หลีกเลี่ยงหนังสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นหนังปลาบางๆ เช่น หนังปลาทู หนังปลาสลิด หนังปลาช่อน
-หลีกเลี่ยงขนมหวาน โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของนม เนย กะทิ ไข่แดง เช่น เค้ก คุ้กกี้ ขนมอบต่างๆ ไอศกรีม แกงบวดต่างๆ สังขยา หม้อแกง ฯลฯ
-งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์ จะสะสมเป็นไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้
-งดบุหรี่ จะช่วยเพิ่มเอชดีแอล คอเลสเตอรอล
-ควรดื่มนมพร่องมันเนยแทนนมที่มีไขมันเต็มส่วน รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากนมก็ควรเลือกที่ไขมันต่ำ
-รับประทานเนื้อปลา แต่ควรหลีกเลี่ยงไข่ปลา พุงปลา ซึ่งมีคอเลสเตอรอลสูง
-ควรเพิ่มอาหารพวกผักใบต่างๆ และผลไม้บางชนิดที่มีกากใย เช่น ผักคะน้า ผักกาด ฝรั่ง ส้ม ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไขมันน้อยลง
-พยายามลดน้ำหนักตัว ในกรณีที่มีน้ำหนักเกิน การรู้จักเลือกวิธีประกอบอาหารและส่วนผสมที่เหมาะสม จะช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดได้ เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการประกอบอาหารต่อไปนี้ อาจช่วยคุณได้
-ก่อนประกอบอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ควรตัดส่วนที่เป็นหนังและไขมันออกก่อน
-เลือกรับประทานปลาทูน่ากระป๋องชนิดในน้ำเกลือ ถ้าเป็นปลาทูน่าในน้ำมัน ควรเทน้ำมันทิ้งให้หมด
-หลีกเลี่ยงการประกอบอาหารด้วยการชุบแป้งทอด ซึ่งจะทำให้อมน้ำมัน
-เปลี่ยนแปลงการปรุงอาหารเป็น นึ่ง ต้ม อบ ย่าง ยำ แทนการทอดหรือผัด
-ควรย่างเนื้อสัตว์บนตะแกรง เพื่อให้น้ำมันหยดออกได้ และหลีกเลี่ยงการทาด้วยเนย กะทิ ระหว่างย่าง
-หากจำเป็นต้องทอด ควรเลือกใช้กระทะที่ไม่ติดอาหาร โดยใช้น้ำมันให้น้อยที่สุด
-หากจะทำแกงกะทิ ก็ให้เปลี่ยนมาเป็นแกงป่า ซึ่งไม่ใส่กะทิแทน หรืออาจใช้นมพร่องไขมันแทนกะทิ
-อาหารประเภทอบ ให้ใช้เนย นม ที่มีไขมันต่ำ หรือลดปริมาณเนย นม ที่ต้องใช้ลงจากปกติ ใช้ไข่แดงเป็นส่วนผสมให้น้อยที่สุด
-ซุปใส นำไปใส่ในตู้เย็น ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วตักส่วนที่เป็นไขมันออก
-ซุปข้น ที่ต้องใช้ไขมันเป็นส่วนประกอบ ให้เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทไขมันต่ำแทน หรือใช้แป้งข้าวโพด เมื่อต้องการให้ซุปข้น
-หลีกเลี่ยงการทำอาหารด้วยการใช้น้ำตาล เกลือ กะทิ เนย ในปริมาณมาก แต่อาจเพิ่มรสชาติด้วยเครื่องเทศ หรือใช้ซอสมะเขือเทศหรือน้ำสับปะรดหมักอาหาร เพื่อเพิ่มรสชาติ
-เพิ่มรสชาติอาหารด้วยเครื่องปรุงอาหารประเภทสมุนไพร เช่น รากผักชี กระเทียม พริกไทย ขิง ข่า ใบมะกรูด กระชาย ใช้เครื่องปรุงที่มีรสเค็มแต่น้อย หลีกเลี่ยงผักดอง ผลไม้ดอง น้ำจิ้มต่างๆ ในปริมาณมาก
จะเห็นว่าถ้าเราควบคุมการรับประทานอาหาร ก็น่าจะทำให้เรามีร่างกายที่แข็งแรง เสี่ยงต่อการเจ็บไข้ได้ป่าย โดยเฉพาะไขมันอุดตันในเส้นเลือดจากระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายที่สูงเกิน น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นควรหันมาใส่ใจพฤติกรรมการรับประทานของพวกเรากันดีกว่าครับ
-หลีกเลี่ยงไข่แดง เครื่องในสัตว์ สมองสัตว์ อาหารทะเลบางชนิด เช่น ปลาหมึก กุ้ง หอยนางรม
-หลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมัน หรือใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันสัตว์ น้ำมันพืชที่สกัดจากเมล็ดพืชจะมีกรดไลโนเลอิก ที่เป็นตัวนำคอเลสเตอรอลไปเผาผลาญได้ดี
-หลีกเลี่ยงน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิ ไขมันปรุงแต่ง
-หลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ที่มีมันสัตว์ติดอยู่มาก เช่น หมูสามชั้น หมูกรอบ เบคอน กุนเชียง ไส้กรอก
-หลีกเลี่ยงหนังสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นหนังปลาบางๆ เช่น หนังปลาทู หนังปลาสลิด หนังปลาช่อน
-หลีกเลี่ยงขนมหวาน โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของนม เนย กะทิ ไข่แดง เช่น เค้ก คุ้กกี้ ขนมอบต่างๆ ไอศกรีม แกงบวดต่างๆ สังขยา หม้อแกง ฯลฯ
-งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์ จะสะสมเป็นไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้
-งดบุหรี่ จะช่วยเพิ่มเอชดีแอล คอเลสเตอรอล
-ควรดื่มนมพร่องมันเนยแทนนมที่มีไขมันเต็มส่วน รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากนมก็ควรเลือกที่ไขมันต่ำ
-รับประทานเนื้อปลา แต่ควรหลีกเลี่ยงไข่ปลา พุงปลา ซึ่งมีคอเลสเตอรอลสูง
-ควรเพิ่มอาหารพวกผักใบต่างๆ และผลไม้บางชนิดที่มีกากใย เช่น ผักคะน้า ผักกาด ฝรั่ง ส้ม ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไขมันน้อยลง
-พยายามลดน้ำหนักตัว ในกรณีที่มีน้ำหนักเกิน การรู้จักเลือกวิธีประกอบอาหารและส่วนผสมที่เหมาะสม จะช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดได้ เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการประกอบอาหารต่อไปนี้ อาจช่วยคุณได้
-ก่อนประกอบอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ควรตัดส่วนที่เป็นหนังและไขมันออกก่อน
-เลือกรับประทานปลาทูน่ากระป๋องชนิดในน้ำเกลือ ถ้าเป็นปลาทูน่าในน้ำมัน ควรเทน้ำมันทิ้งให้หมด
-หลีกเลี่ยงการประกอบอาหารด้วยการชุบแป้งทอด ซึ่งจะทำให้อมน้ำมัน
-เปลี่ยนแปลงการปรุงอาหารเป็น นึ่ง ต้ม อบ ย่าง ยำ แทนการทอดหรือผัด
-ควรย่างเนื้อสัตว์บนตะแกรง เพื่อให้น้ำมันหยดออกได้ และหลีกเลี่ยงการทาด้วยเนย กะทิ ระหว่างย่าง
-หากจำเป็นต้องทอด ควรเลือกใช้กระทะที่ไม่ติดอาหาร โดยใช้น้ำมันให้น้อยที่สุด
-หากจะทำแกงกะทิ ก็ให้เปลี่ยนมาเป็นแกงป่า ซึ่งไม่ใส่กะทิแทน หรืออาจใช้นมพร่องไขมันแทนกะทิ
-อาหารประเภทอบ ให้ใช้เนย นม ที่มีไขมันต่ำ หรือลดปริมาณเนย นม ที่ต้องใช้ลงจากปกติ ใช้ไข่แดงเป็นส่วนผสมให้น้อยที่สุด
-ซุปใส นำไปใส่ในตู้เย็น ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วตักส่วนที่เป็นไขมันออก
-ซุปข้น ที่ต้องใช้ไขมันเป็นส่วนประกอบ ให้เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทไขมันต่ำแทน หรือใช้แป้งข้าวโพด เมื่อต้องการให้ซุปข้น
-หลีกเลี่ยงการทำอาหารด้วยการใช้น้ำตาล เกลือ กะทิ เนย ในปริมาณมาก แต่อาจเพิ่มรสชาติด้วยเครื่องเทศ หรือใช้ซอสมะเขือเทศหรือน้ำสับปะรดหมักอาหาร เพื่อเพิ่มรสชาติ
-เพิ่มรสชาติอาหารด้วยเครื่องปรุงอาหารประเภทสมุนไพร เช่น รากผักชี กระเทียม พริกไทย ขิง ข่า ใบมะกรูด กระชาย ใช้เครื่องปรุงที่มีรสเค็มแต่น้อย หลีกเลี่ยงผักดอง ผลไม้ดอง น้ำจิ้มต่างๆ ในปริมาณมาก
จะเห็นว่าถ้าเราควบคุมการรับประทานอาหาร ก็น่าจะทำให้เรามีร่างกายที่แข็งแรง เสี่ยงต่อการเจ็บไข้ได้ป่าย โดยเฉพาะไขมันอุดตันในเส้นเลือดจากระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายที่สูงเกิน น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นควรหันมาใส่ใจพฤติกรรมการรับประทานของพวกเรากันดีกว่าครับ
มังคุดทำลายเซลล์มะเร็ง
สตรีนักวิทย์ศึกษาสารสกัดจากเปลือกมังคุด พบฤทธิ์จู่โจมเฉพาะเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยไม่สร้างความเสียหายให้เซลล์ดีที่อยู่รายรอบ มั่นใจงานวิจัยสามารถพัฒนาเป็นยามะเร็งประสิทธิภาพสูงในอนาคต
รศ.ดร.รมิดา วัฒนโภคาสิน ภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เปิดเผยว่า ใช้เวลากว่า 2 ปีศึกษาฤทธิ์ต้านมะเร็งจากสมุนไพร หลังจากเชื่อว่าสมุนไพรบางชนิด อาทิ มังคุด ขมิ้นชัน ใบพุทรา สามารถต้านเซลล์มะเร็ง ทั้งนี้ ผลจากการทดสอบพบว่า สารสกัดจากเปลือกมังคุดสามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี แม้จะใช้เพียงเล็กน้อยเพียง 4 มิลลิกรัมก็ตาม
สารสกัดจากเปลือกมังคุดที่นำมาใช้ในการศึกษานี้ ได้รับการสนับสนุนจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยการทดสอบพบว่า สารสกัดในปริมาณ 4 มิลลิกรัมดังกล่าว สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้กว่า 50% ของเซลล์มะเร็งทั้งหมด และจากการขยายผลนำสารสกัดไปทดสอบกับเซลล์มะเร็งอื่น ก็พบว่าสามารถออกฤทธิ์ดีในการทำลายเซลล์มะเร็งลำไส้และเซลล์มะเร็งตับ
นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้ศึกษาเทคนิคการรักษามะเร็งด้วยยีนบำบัด โดยนำสารสกัดจากมังคุดใส่ในเม็ดบีดขนาดจิ๋วระดับนาโน จากนั้นอาศัยไวรัสที่ถูกทำให้อ่อนตัวและไม่เป็นอันตราย เป็นตัวนำเม็ดบีดนั้นเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ซึ่งวิธีดังกล่าวสามารถที่จะประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคทางพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย หรือโรคเลือดจาง ส่วนสารสกัดจากสมุนไพรขมิ้นชันและใบพุทรา ยังอยู่ระหว่างการศึกษา
ทั้งนี้ จากผลงานการศึกษาเกี่ยวกับสารสกัดจากสมุนไพร กับการทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ในการผลิตเป็นยามะเร็งประสิทธิภาพสูงต่อไปในอนาคต จึงส่งผลให้ รศ.ดร.รมิดา วัฒนโภคาสิน ผ่านการพิจารณาคัดเลือกให้ได้รับรางวัลสตรีนักวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2547 จากลอรีอัล โดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัย 1.5 แสนบาท
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)